Skip to main content

กลยุทธ์การสร้างแอปโคลน: เรียนรู้จาก Indie Developers ที่ประสบความสำเร็จ

เมื่อคืนผมไถ Youtube ไปเจอช่อง THE SECRET SAUCE เรื่องเบื้องหลังแบรนด์ยาดม NUANOSE ที่เขาใช้ AI มาช่วยสร้าง product ใหม่ซึ่งให้แรงบันดาลใจผมมาก โดยเฉพาะส่วนที่เขาให้ AI ช่วยหาความแตกต่างของยาดม NUANOSE ให้มีที่ยืนในดงยาดมอีกไม่รู้กี่แบรนด์ในตลาดโดยที่ก็ยังใช้ packaging เป็นขวดเหมือนๆกัน แต่ก็สร้างรายได้ได้จริงๆ มันเลยทำให้ผมอยากรู้ต่อไปอีกว่า แล้วในโลกของ Indie dev การทำ app ที่มีคนทำอยู่แล้วหรือมีเจ้าใหญ่อยู่แล้วในตลาดเนี่ย มันทำได้เหมือนกันไหม

ผมเลยไปคุ้ยช่องเดิมที่คุ้นเคย “Starter Story” แต่รอบนี้ผม search ในช่องด้วยคำว่า “clone” จนได้เจอ 3 videos ล่าสุด ของ indie dev 3 คน:

  • Denis Yurchak ผู้ก่อตั้ง Yadaphone (Skype clone)
  • Will Cannon ผู้ก่อตั้ง Uplead (ZoomInfo clone) และ Signaturely (DocuSign clone)
  • Samuel Rondo ผู้ก่อตั้ง Story Short (AutoShorts clone) รายนี้ indie clone indie กันเองเลย

วันนี้ผมไม่ได้จะมาเล่าว่าพวกเขาแต่ละคนทำอะไรในรายละเอียด แต่เราจะมาถอดรหัสความสำเร็จของ indie dev ทั้ง 3 คนนี้ ว่าอะไรที่ทำให้พวก app ของพวกเขามีลูกค้า และทำยังไงให้ลูกค้ามองเห็นหรือรู้จักได้อย่างรวดเร็ว (ทำเสียงแบบ เคน นครินทร์!)

The Playbook #

1. โดดเข้าไปในตลาดที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามี demand #

ข้อนี้คือแกนหลักที่ทั้ง 3 คนมีเหมือนกันเลยครับ เพราะมันช่วยประหยัดเวลาในการทดลองตลาด เหมือนเราเห็นร้านหมูกระทะมาเปิดใหม่ในเมืองเป็นร้านแรก เปิดมาปีนึงแล้ว แล้วคนก็ยังล้นร้านรอคิวกันเป็นชั่วโมง อันนี้มันก็ชัดเจนแล้วว่ามี demand แน่นอน ไม่บอกก็รู้ว่าหมูกระทะคือสิ่งที่ผู้คนในเมืองนี้ต้องการ รู้ทั้งสินค้าและราคาที่เขายอมจ่าย แต่ถ้าเราจะเปิดร้านพิซซ่าเป็นร้านแรกอันนี้เราอาจจะต้องลงแรงทำ customer research เพิ่มเอง

ตัวอย่างจากทั้ง 3 คน:

  • Dennis: เห็นประกาศการปิดตัวของ Skype ทำให้รู้ว่าเดี๋ยวจะมีคนต้องการ service การโทรระหว่างประเทศราคาถูกแน่นอน
  • Will: เห็น DocuSign และ ZoomInfo ประสบความสำเร็จอย่างมหาศาล (จน IPO ได้เลยนะ) ทำให้มั่นใจว่าตลาดนี้มันไปได้แน่ๆ
  • Samuel: วางกฎเหล็กกับตัวเองว่าจะไม่สร้างสิ่งที่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ว่าจะสำเร็จ และติดตาม indie dev คนอื่นที่ชอบเอายอดขายมาอวด ทำให้เขารู้ demand (นักก็อปของแทร่)

2. สร้างความแตกต่างเล็กน้อยแต่ดีกว่า #

ถึงแม้เจ้าตลาดจะมีลูกค้าในมือมากมาย แต่ก็ใช่ว่าลูกค้าจะ happy เสมอไป (ไม่เชื่อถามคนใช้ Microsoft Team ดิ) พวกเค้าเลือกมองหาจุดบกพร่องเล็กๆน้อยๆของเจ้าตลาดหรือคู่แข่ง โดยแอบไปอ่าน review ที่ให้ 1-2 ดาว หรือตาม Reddit แล้วดูว่าคนบ่นเรื่องอะไร แล้วพวกเขาก็จะรีบหยิบปัญหาพวกนี้มาแก้ใน product ของเขาเองให้ไว

เปรียบเทียบให้เห็นภาพก็นึกถึงร้านหมูกระทะจากข้อ 1 เราสามารถไปแอบฟังคำบ่นของลูกค้าในร้าน หรืออ่าน review ใน Wongnai เช่น คนอาจจะบ่นว่าน้ำจิ้มหวานเกินหลายคนมากๆ คุณก็แค่เปิดร้านใหม่ที่น้ำจิ้มมีสูตรหวานน้อยเพื่อตอบโจทย์คนกลุ่มนี้ไปเลย

ตัวอย่างจากทั้ง 3 คน:

  • Dennis: เลือกที่คิดราคา Yadaphone แบบ Pay-as-you-go แทนที่จะให้ลูกค้า subscription รายเดือนแบบเจ้าอื่น และเน้นทำให้การโทรออกมันง่ายที่สุด
  • Will: เคลมว่า Uplead ให้ข้อมูลที่แม่นกว่าเจ้าอื่นในตลาด แล้วก็ยังทำงานแบบ realtime ด้วย ส่วน Signaturely ก็เน้นทำให้ใช้งานง่าย แบบที่ว่า “คุณย่าของคุณก็ยังใช้ได้”

3. ทำให้ดี ทำ MVP ออกมาให้ไว #

ความเร็วเป็นเรื่องของปีศาจอยู่แล้ว ผมว่าทุกคนรู้ข้อนี้ดี ตีเหล็กต้องตีตอนร้อนๆ จากข้อที่แล้วเรารู้อยู่แล้วว่ามีคนอยากได้อะไร เราก็ต้องรีบหาทางส่งมอบ product ที่มีคุณค่าที่ลูกค้าต้องการให้ไวตามความเหมาะสม และทดสอบตลาดให้ไว

ถ้าเป็นร้านหมูกระทะ MVP ของเราก็อาจจะเปิดด้วยการขายแบบกลับบ้านอย่างเดียว ไม่มีหน้าร้านให้นั่งกิน หรือถ้ามีก็ไม่ต้องมีหลายโต๊ะ แล้วลองดูว่าลูกค้าชอบน้ำจิ้มที่ไม่หวานจริงๆใช่ไหม

ตัวอย่างจากทั้ง 3 คน:

  • Dennis: ใช้เวลาทำ prototype แค่ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ทำ prototype แรก
  • Samuel: แนะนำว่าให้ทำ MVP ให้เสร็จใน 2 สัปดาห์และเปิดตัวด้วยโฆษณาเพื่อทดสอบตลาดทันที แล้วก็ skip บาง feature ไปก่อน เช่น reset password

4. ให้ความสำคัญกับการสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายมากๆ เพื่อเปลี่ยนให้เป็นลูกค้า #

ถึงแม้คุณจะทำ app ได้ไว และแม้ตลาดนี้จะถูกพิสูจน์แล้วว่ามันขายได้จริง แต่ลูกค้ามักจะใช้บริการเจ้าใหญ่หรือคู่แข่งของเราอยู่แล้ว ดังนั้นเราต้องใช้พลังดูด เพื่อขอส่วนแบ่งการตลาดออกมาให้ได้ ไม่ว่าจะวิธีใดก็ตาม

กลับมาที่ตัวอย่างร้านหมูกระทะอีกครั้ง พอคุณมั่นใจแล้วว่ามีลูกค้าเริ่มชอบหมูกระทะร้านคุณจริงๆ คุณก็อาจจะต้องหาทางเร่งยอดขาย ด้วยการไปยืนแจกใบปลิวหน้าร้านคู่แข่ง ที่ยืนรอคิวอยู่ พร้อมโฆษณาว่าคุณแตกต่างยังไง (คล้ายๆขนส่งเจ้าไหนนะ)

ตัวอย่างจากทั้ง 3 คน:

  • Dennis: ใช้ Reddit เป็นเครื่องมือหลักในการดึงดูดลูกค้า และใช้กลยุทธ์ SEO แบบลุยจัดๆ เช่น ไปติดต่อ blog ที่เขียนเกี่ยวกับ Skype Alternative แล้ว ขอ (จ้าง) ให้ใส่ Yadaphone เข้าไปใน list ด้วย
  • Will: ใช้ Cold Email (การส่งอีเมล์เพื่อแนะนำตัวหรือบริการ) สื่อสารกับลูกค้าตรงๆ โดยเขียนเมล์สั้นๆ text ล้วนๆ แนะนำง่ายๆแบบที่เป็นมนุษย์ เพื่อบอกว่า Uplead ดียังไงและพร้อมบอกว่าถูกกว่าคู่แข่งด้วย (เขาบอกว่าได้ $1M แรกจาก Cold Email เลย)
  • Samuel: ใช้ Ads ก่อน เพราะช่วยสะท้อนความต้องการในตลาดได้อย่างรวดเร็ว แล้วค่อยตามด้วย SEO เพื่อให้มี traffic ฟรีในระยะยาว

5. สะสมทักษะอย่างต่อเนื่อง (Skill Stacking) #

ทั้ง 3 คนไม่ได้เกิดมาแล้วเป็นเจ้าของ SaaS ได้เลย บางคนมาจากคนละสายงานเลยด้วยซ้ำ แต่พวกเขามุ่งมั่นในเป้าหมายที่อยากมีธุรกิจของตัวเองและสะสมทักษะตั้งแต่ coding การสื่อสารกับลูกค้า ไปจนถึงการทำการตลาดให้ตัวเอง นี่คือสิ่งที่ indie dev ต้องรวมมันไว้ในตัวเอง เพราะเราใช้คนน้อยหรือบางทีก็ตัวคนเดียว ก็ไม่แปลกที่เราจะต้องมีหลายทักษะในตัวคนเดียว

ตัวอย่างจากทั้ง 3 คน:

  • Dennis: เริ่มจากเป็นนักการฑูต มาฝึกเขียน code ด้วยตัวเองและทำ side project เรื่อยๆ จนสามารถสร้าง Yadaphone ขึ้นมาได้
  • Will: มาจากธุรกิจจำนอง ผันตัวมาเป็น Data Agency และได้เรียนรู้ทักษะด้านการตลาดและการขาย ผ่านการอ่านหนังสือและดู Youtube
  • Samuel: มาจากช่างทำแว่นตา (Optician) ที่หัดเขียน code จาก Youtube และ AI และสะสมทักษะมาจากการทำหลายๆ project และจากคู่แข่งของเขาเอง (สายสืบ social จริงๆไปดูในคลิปได้)

สรุป #

การ clone app หรือ service ที่ประสบความสำเร็จอยู่แล้ว มันทำให้เราประหยัดเวลาในการพิสูจน์ความต้องการในตลาด แต่การถอดสมอง clone ออกมาเฉยๆโดยไม่สร้างความแตกต่างหรือจุดขายของตัวเอง โอกาสที่ลูกค้าจะยอมย้ายมาใช้ของคุณก็คงน้อยมาก

นอกเหนือไปจากนั้นการตลาดก็เป็นส่วนที่สำคัญมากๆ เพราะคุณกำลังจะขอแบ่งเค้กกับเจ้าตลาด ถ้าคุณไม่ทำให้คนรู้จักหรือมองเห็นต่อให้ของคุณดีแค่ไหนแต่ถ้าไม่มีใครรู้จักคุณมันก็อยู่ไม่ได้เหมือนกัน

แหล่งข้อมูลอ้างอิง #

ดูคลิปต่างๆที่ผมไถมาได้ตามนี้เลยครับ

เบื้องหลังแบรนด์ยาดม NUANOSE (อันนี้สนุกมาก ไฟลุกเลย):

Denis Yurchak - Yadaphone:

Will Cannon - Uplead & Signaturely:

Samuel Rondo - Story Short:

สัญญาว่ารอบหน้าจะหามาจากช่องอื่นละ