Skip to main content

บทเรียนจาก Stagetimer: แอปเล็กๆ ที่ทำรายได้แปดแสนบาทต่อเดือน

วันนี้ผมไปเจอคลิปจากช่อง Starter Story (ช่องที่ชอบเอา Indie dev มาเล่าประสบการณ์) แล้วผมดันไปประทับใจคลิปนึงที่เล่าถึง web app นาฬิกาที่เอาไว้เปิดบนเวทีเพื่อบอกเวลาพูด ดูไม่ซับซ้อน ตรงไปตรงมา ไม่มี AI แต่สร้างรายได้ให้กับคนที่สร้างมันขึ้นมาได้ราวๆ 8 แสนบาทต่อเดือน โดยที่มี margin 80% จากต้นทุน ใครขี้เกียจดูมาลองอ่านกันได้เลย (จริงๆ 14 นาทีเองไปดูกันได้แปปเดียว)

Lukas Hermann - indie dev ชาวเยอรมันผู้สร้าง Stagetimer

จุดเริ่มต้น #

Lukas เป็น Web Developer ที่ทำงานประจำเหมือนกัน dev ทั่วไป เขาเริ่มทำงานเป็น freelance ตั้งแต่เรียนมหาลัย เรียนจบแล้วก็เข้าไปทำงานที่ startup แห่งหนึ่งตอนปี 2020 แต่ระหว่างที่ทำงานเขาก็คิดมาเสมอว่าอยากมี product เป็นของตัวเองจนกระทั่งเขาได้ไปที่ studio ของเพื่อนที่ทำงานสาย production (วงการถ่ายทำ) แล้วมีจังหวะนึงที่เห็นว่าเพื่อนต้องเดินไปกด timer ที่เป็น Flash บน laptop เก่าๆ ทั้งๆที่ความจริงแล้วเพื่อนของเขาควบคุมที่อย่างผ่านโต๊ะทำงานได้อยู่แล้ว แต่มีแค่อย่างเดียวที่ต้องลุกไปทำบนคอมอีกเครื่อง ทันใดนั้นด้วยจิตวิญญาณของ web dev เขาก็รู้ได้ทันทีว่าเขาทำเครื่องมือมาแก้ปัญหานี้ได้!!

ไม่นานช่วงพฤศจิกายน 2020 “first commit” ของ Stage Timer ก็เกิดขึ้น และต่อมาอีก 3 วัน MVP ก็เสร็จ โดยมี feature ตรงไปตรงมามากๆ ก็คือตัวเลขเวลาใหญ่ๆ พร้อมปุ่ม start / pause / stop แล้วก็ข้อความนิดหน่อยใต้ตัวเลขแค่นั้นเลย stack ที่ใช้ก็เรียบง่าย Vue.js + Node.js โยนขึ้น Vercel

แล้ว Lukas รู้ได้ยังไงว่าเขามาถูกทาง #

หลัง MVP เรียบร้อยแล้ว เขารีบมองหาลูกกลุ่มลูกค้าของตัวเองก่อนเลย ซึ่งจริงๆก็คือคนที่ทำงานสายงาน production นั่นแหละ และเขาใช้ Reddit (แหล่งชุมชนคล้ายๆ Pantip บ้านเราแต่ใหญ่มากๆ) โดยเลือก sub reddit ที่กลุ่มลูกค้าของเค้าชอบไปสิงกัน สิ่งที่เขาทำหลังจากนั้นก็คือ post มันไปตรงๆ บอกไปเลยว่ากำลังทำอะไรอยู่ พร้อมกับแปะ link ของ app ไว้ด้วย ผม cap มาให้อ่านเลย:

I am building a presentation timer app that runs in the browser. The goal is to be able to put a simple tablet in front of the speaker, run the app in the browser and remote control it from a laptop or phone (no need to pull HDMI or SDI cables through the room).

Can you give me some feedback about the features necessary for such an app? Here is the current version: https://stagetimer.io

Thank you 🙂

สั้นๆ ง่ายๆ ไม่มีรูปประกอบ ที่สำคัญคือ 1 post ต่อ 1 sub reddit เท่านั้นนะ อย่า spam แต่ไม่น่าเชื่อผลลัพธ์ออกมาดีเกินคาด เพราะมีคน feedback สิ่งที่พวกเขาอยากได้ใน Stage Timer แบบที่เป็นประโยชน์สำหรับเขามากๆ เช่น ทำ link ให้คนที่ดูทางบ้านเข้ามาเห็นเวลาด้วยได้ไหม หรือปรับสี bg ตามช่วงเวลา… นั่นทำให้เขามั่นใจแล้วว่า app นี้มันมี demand แล้วนี่มันเป็นตลาดที่เล็กเกินไปที่ บ. ใหญ่ๆจะสนใจลงมาเล่น แต่กับ Solopreneur มันทำให้เขาอยู่ได้แน่ๆ

ถึงแม้ทุกอย่างจะดูดีในตอนต้น แต่ก็ใช่ว่าเส้นทางของ Stage Timer มันจะโรยด้วยกลีบกุหลาบ app ใช้เวลา 224 วันกว่าจะได้ first dollar (เหงาๆเกือบปี) แต่หลังจากนั้นในปี 2022 มันก็ค่อยๆสร้างรายได้ให้เขาได้ราวๆ หนึ่งแสนบาทต่อเดือนจนตัดสินใจลาออกจากงานประจำมาทำเต็มตัวตามคำแนะนำของภรรยา (เชื่อเมียซะด้วย)

มีของแล้ว Lukas ขายมันยังไง สร้าง growth แบบใด #

เนื่องจากภรรยาของเค้าเชียร์ให้เขาออกมาทำ Stagetimer เต็มตัวแล้ว สักพักเขาก็ชวนเธอมาเป็นทีม marketing ซะเลย ทั้งๆที่ก่อนหน้าเธอก็ทำอาชีพเป็นครูไม่ได้มีพื้นฐานมาก่อน แต่การมีคนช่วยเขียน email เพื่อทำ customer support ก็ทำให้ Lukas สามารถโฟกัสกับทิศทางของธุรกิจและการเขียน code ได้มากขึ้น

เขาเล่าว่าลูกค้า 55% มาจาก Google Search และอีก 33% มาจากการแนะนำกันปากต่อปาก สิ่งที่เค้าทำก็คือเล่นกับ SEO ตั้งแต่:

  • เขียนคู่มือของ app โดยพยายามใส่ keyword หรือชื่อของ tool ที่คนในวงการใช้กันเช่น จะใช้งาน Stagetimer กับ Stream Deck ยังไง
  • ทำ Youtube สอนใช้งาน อันนี้ถึงยอดวิวจะไม่ได้สูง แต่สิ่งที่ลูกค้าของเค้าค้นหามักจะเป็นคำถามหรือปัญหาเสมอ ซึ่งถ้า video ของเค้ามันตอบปัญหาคนเหล่านั้นได้ โอกาสที่จะได้ลูกค้าก็จะสูงมาก
  • ในทุก link ที่ share ออกไปทั้งหน้า page หรือ preview จะมี logo ของ Stagetimer เสมอ ซึ่งมันก็ทำให้ผู้คนเห็นแล้วก็ตามมาใช้ได้เหมือนกัน

นอกเหนือจากนั้น Lukas ยังบอกว่า Free tier เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ลูกค้าได้ลองใช้ก่อน อย่าง freelance ที่ไม่มีงบสูงมากก็ลองหยิบไปใช้ดูก่อนจน เมื่อถึงวันที่เขาต้องใช้มันจริงจังมากขึ้นก็มีโอกาสที่จะ convert มาเป็นลูกค้าที่ยอมจ่ายเงินได้

เสริมนิดนึงในมุมครอบครัว Lukas บอกว่าการพาภรรยามาทำงานตรงนี้มันทำให้ความสัมพันธ์ทั้งคู่มันดีกว่าเดิม วันๆคุยกันแต่เรื่องจะทำยังไงกับธุรกิจต่อ (นี่มัน Work-Life Blend!!)

ทั้งหมดนี้มันทำให้ Stagetimer มี:

  • คนสมัครสมาชิก: 20,000 users
  • ลูกค้าที่จ่ายเงิน(รายเดือน): 4,400 users

(ข้อมูลเดือนกันยายน 2025)

Lukas ใช้อะไรทำงาน #

  • Sublime Text: code editor (ฟรี)
  • Sublime Merge: git client (ฟรี)
  • Claude: AI ผู้ช่วย ($20)
  • Airtable: ระบบ CRM ($54)
  • PostMark: สำหรับส่ง Email ให้ลูกค้า ($60.50)

ต้นทุน (ต่อเดือน) #

  • Server & Infra: $280
  • Tools: $250
  • Paid Ads: $1,400 (จ่าย ads เยอะกว่าเครื่องมือกับ infra รวมกันอีก)

รายรับ (ต่อเดือน) #

$25,000 (ประมาณแปดแสนบาท)

Margin (กำไร): 80% เลย ซึ่งไม่แปลกใจ เพราะอย่างที่บอกไป app นี้ไม่ได้ต้องการพลังการคำนวณมหาศาล ไม่มี AI cost แล้ว traffic คนเข้าเว็บก็ไม่น่าจะสูงมาก เพราะเขาใช้กันตามงาน event น่ะ!!

สรุปแบบสั้นๆ #

Stage Timer เลือกแก้ปัญหาให้นักจัด event หรือ streamer ลูกค้ากลุ่มนี้กลุ่มเดียวก็สามารถหาสร้างรายได้หลายแสนบาทต่อเดือน โดยที่มีคนทำงานแค่ 2 คนและต้นทุน server ไม่สูงเพราะไม่ได้ต้องการพลังการคำนวณมากมาย

จริงๆปัญหาในโลกนี้มีอยู่เยอะแยะเลย indie dev ไม่จำเป็นต้องทำ super app ที่ตอบโจทย์คนนับล้านก็มีรายได้เลี้ยงชีพตัวเองได้ แค่ต้องหาลูกค้า หรือตลาดให้เจอ แล้วขยี้จนมั่นใจว่าปัญหานี้มีคนยอมจ่ายจริงๆ แล้วค่อยลงแรงเต็มที่กับมัน ยิ่งในยุค AI เราสามารถทำ MVP ไปทดสอบกับคนจริงๆได้ภายในเวลาไม่กี่วันแล้ว แต่ถ้าคุณสังเกตคือ Lukas ไม่ได้ทำแค่เขียน code นะ app ของเขาไม่ต้องใช้ deep tech แต่ธุรกิจของเขาต้องการ skill เล็กๆน้อยๆหลายอย่างมาประกอบกัน ตั้งแต่การสร้าง product การสื่อสารกับลูกค้า การทำการตลาด การบริหารต้นทุน ทั้งหมดอยู่ในคนๆเดียว มันเลยทำให้ Stagetimer เป็นที่รักของลูกค้าขนาดนี้


ไปดูฟังเต็มๆได้ที่นี่เลยครับ